วาฬ/โลมา
- 9 สิงหาคม 2556
- 447
ภาวะคุกคามต่อวาฬและโลมา
ในอดีต วาฬและโลมา เป็นหนึ่งในอาหารสำคัญของประเทศที่มีพื้นที่ติดทะเล รวมถึงการใช้ไขมันมาผลิตเป็นเทียนไข ถึงแม้ว่าการล่าสัตว์กลุ่มนี้จะมีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อจำนวนประชากรของวาฬและโลมามาก เพราะเครื่องมือและเรือที่มีขนาดเล็กและใช้พลังงานจากลมหรือจากแรงคน จนถึงช่วงปี ค.ศ.1800 ที่มีการพัฒนาเรือที่ใช้เครื่องจักรไอน้ำท ำให้มนุษย์สามารถเดินทางไปในทะเลได้ไกลและเร็วขึ้น รวมถึงเครื่องมือในการล่าที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ปืนยิงฉมวกขนาดใหญ่ ทำให้สามารถติดตามวาฬและโลมาเพื่อล่าได้ดีขึ้น ส่งผลให้จำนวนประชากรของสัตว์เหล่านี้ทั่วโลกลดลงอย่างรวดเร็ว จนถึงทศวรรษที่ผ่านมาที่ปัญหาการล่าวาฬและโลมาเริ่มลดลง แต่ภัยคุกคามด้านอื่นกลับเพิ่มขึ้นเช่น การติดเครื่องมือประมงโดยบังเอิญ การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่ง การปนเปื้อนของมลพิษทางทะเล มลภาวะทางเสียงจากการสำรวจแหล่งปิโตรเลียม และเสียงโซน่าจากเรือดำน้ำของทหาร ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของปลาวาฬและโลมาบางชนิดทำให้เกิดการเกยตื้นหมู่ได้
สถิติการเกยตื้นสัตว์ทะเลหายากในช่วง 16 ปีงบประมาณ (ตุลาคม 2546 – กันยายน 2561) พบสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นรวม 4,539 ตัว คิดเป็นค่าเฉลี่ยปีละ 284±170 ตัว ในจำนวนนี้ประกอบด้วยเต่าทะเล 2,404 ตัว คิดเป็น 53% โลมาและวาฬ 1,937 ตัว คิดเป็น 43% และพะยูน 198 ตัว คิดเป็น 4% โดยในแต่ละปีมีแนวโน้มของการเกยตื้นเพิ่มสูงขึ้นทั้งนี้เป็นเพราะการแจ้งข่าวสารการเกยตื้นที่สะดวกและความตระหนักในการรับรู้ของชุมชนชายฝั่งที่เพิ่มมากขึ้น มีค่าเฉลี่ยการเกยตื้นต่อปีของเต่าทะเล โลมาวาฬ และพะยูน เท่ากับ 150±104, 121±69, และ 12±4 ตัวต่อปี ตามลำดับ
ข้อมูลรายงานสถานการณ์สัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561 – 30 กันยายน 2562 พบสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นทั้งหมด 865 ตัว โดยเป็นโลมาและวาฬ 273 ตัว (ร้อยละ 31 ) พะยูน 24 ตัว (ร้อยละ 3) และเต่าทะเล 568 ตัว (ร้อยละ 66)
ซากวาฬและโลมาเกยตื้น