วาฬ/โลมา
- 5 สิงหาคม 2556
- 8,541
ชนิดพันธุ์วาฬและโลมา
วาฬและโลมา จัดเป็นสัตว์เลือดอุ่น เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในน้ำ ซึ่งมีหลักฐานว่าวิวัฒนาการมาจากสัตว์บกจำพวก Mesonyx ซึ่งมีรูปร่างคล้ายหมาผสมหนู เมื่อประมาณ 45 ล้านปีมาแล้ว
วาฬและโลมา แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. ชนิดที่ไม่มีฟัน (Baleen whale) ซึ่งจะมีแผงกรอง (Baleen plate) ทำหน้าที่กรองอาหาร จัดอยู่ในกลุ่ม Suborder Mysticeti|
2. ชนิดที่มีฟัน (Toothed whale) จัดอยู่ในกลุ่ม Suborder Odontoceti.
จากการศึกษาปลาวาฬและโลมาที่มีชีวิตอยู่ทั่วโลกพบทั้งหมด 78 ชนิดใน 13 วงศ์ ปัจจุบันในประเทศไทยสำรวจพบวาฬและโลมา จำนวน 27 ชนิด จาก 5 วงศ์
วาฬและโลมามีการปรับตัวหลายๆ ประการเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในน้ำ เช่น มีวิวัฒนาการรูปร่างให้เพรียวทำให้สามารถว่ายน้ำได้เร็ว และเนื่องจากยังใช้ปอดในการหายใจ จมูกหรือช่องหายใจจึงเลื่อนไปอยู่บนสุดของส่วนหัว เพื่อสะดวกในการหายใจ ท่อหายใจกับช่องปากแยกกันเพื่อสะดวกในการกินอาหารใต้น้ำ มีการปรับปรุงระบบควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้อบอุ่นทดแทนขน ซึ่งลดรูปไปเนื่องจากไม่เหมาะสมในการใช้งานใต้น้ำ โดยการมีลักษณะลำตัวเรียวคล้ายตอร์ปิโดทำให้มีอัตราส่วนระหว่างพื้นที่ผิวต่อปริมาตรต่ำ เป็นการลดพื้นที่ที่สัมผัสน้ำ การปรับปรุงโดยเพิ่มชั้นไขมัน (Blubber) ใต้ผิวหนังให้หนาขึ้นเป็นฉนวนกันความร้อน โดยในชั้นไขมันจะมีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงน้อยป้องกันการแลกเปลี่ยนอุณหภูมิกับน้ำ ระบบเส้นเลือดดำจะถูกล้อมด้วยเส้นเลือดแดงซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า นอกจากนั้นการปรับตัวโดยลดอัตราการหายใจลง เป็นการลดการสูญเสียความร้อนที่ออกมากับอากาศและเป็นผลให้วาฬและโลมาสามารถดำน้ำได้นาน โดยเฉพาะวาฬหัวทุย (Physeter macrocephalus) สามารถดำน้ำได้ลึกถึง 3,000 เมตร ลูกโลมาและวาฬแรกเกิดจะมีขนาดเมื่อเทียบกับตัวแม่ค่อนข้างใหญ่กว่าสัตว์ชนิดอื่น ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการรักษาอุณหภูมิในร่างกาย
ลูกวาฬและโลมาบางชนิดมีขนอยู่ 2 ข้างของแนวปากบน (Snout)และจะหดหายไปเมื่อโตขึ้น วาฬและโลมาส่วนใหญ่คลอดลูกโดยส่วนหางออกมาก่อน เพื่อให้ส่วนของช่องหายใจเป็นส่วนสุดท้ายที่ออกมาสัมผัสน้ำทะเล และสามารถว่ายน้ำได้ทันที โดยโผล่ขึ้นมาสูดอากาศหายใจครั้งแรกในทันทีที่คลอด ลูกแรกเกิดมีขนาดใหญ่ประมาณ 40% ของแม่
จากการศึกษาจนถึงปัจจุบัน พบวาฬและโลมาในประเทศไทย จำนวน 27 ชนิด จัดอยู่ใน 6 วงศ์ ดังนี้
1. วงศ์ Balaenopteridae ปลาวาฬชนิดไม่มีฟัน เป็นวงศ์วาฬชนิดไม่มีฟัน กลุ่ม Rorquals whale (วาฬที่มีอกเป็นร่องๆ) ลักษณะเด่นของวงศ์นี้คือ มีครีบหลังรูปสามเหลี่ยมอยู่ส่วนท้ายลำตัวและช่วงท้อง จากใต้คางลงไปมีลักษณะเป็นร่องๆ ยาวไปตามลำตัว 30-100 ร่อง วาฬวงศ์นี้ทั่วโลกพบอยู่ 6 ชนิดใน 3 สกุล รวมทั้งวาฬสีน้ำเงิน (Blue whale) ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีชีวิตอยู่ ดังนั้น ในประเทศไทยพบวาฬชนิดไม่มีฟันรวม 5 ชนิด คือ
ชื่อไทย-อังกฤษ และชื่อวิทยาศาสตร์ | อันดามัน | อ่าวไทย | ข้อมูลเพิ่มเติม | |
![]() |
วาฬฟิน (Fin whale) Balaenoptera physalus(Linnaeus, 1758) | / | ||
![]() |
วาฬบรูด้า (Bryde’s whale) Balaenoptera edeni (Anderson, 1878) | / | / | Click : ![]() |
![]() |
วาฬโอมูระ (Omura whale) Balaenoptera omurai (Wada, Oishi and Yamada, 2003) | / | / | |
![]() |
วาฬหลังค่อม (Humpback whale) Megatera novaeangliae (Borowski, 1781) | / | ||
![]() |
วาฬสีน้ำเงิน (Blue whale) Balaenoptera musculus | / |
2. วงศ์ Physeteridae มีอยู่ 1 ชนิด คือ
ชื่อไทย-อังกฤษ และชื่อวิทยาศาสตร์ | อันดามัน | อ่าวไทย | ข้อมูลเพิ่มเติม | |
![]() |
วาฬหัวทุย (Great sperm whale) Physeter macrocephalus (Linnaeus, 1758) | / |
3. วงศ์ Kogiidae มีอยู่ 2 ชนิด คือ
ชื่อไทย-อังกฤษ และชื่อวิทยาศาสตร์ | อันดามัน | อ่าวไทย | ข้อมูลเพิ่มเติม | |
![]() |
วาฬหัวทุยเล็ก (Pygmy sperm whale) Kogia breviceps (de Blainville, 1838) | / | / | |
![]() |
วาฬหัวทุยแคระ (Dwarf sperm whale) Kogia simus (Owen, 1866) | / |
4. วงศ์ Ziphiidae มีอยู่ 3 ชนิด คือ
ชื่อไทย-อังกฤษ และชื่อวิทยาศาสตร์ | อันดามัน | อ่าวไทย | ข้อมูลเพิ่มเติม | |
![]() |
วาฬฟันสองซี่ (Ginkgo toothed whale) Mesoplodon ginkgodens (Nishiwaki and Kamiya, 1958) | / | ||
![]() |
วาฬเบลน์วิลล์ (Blainville's beaked Whale) Mesoplodon densirodtris | / | ||
![]() |
วาฬคูเวียร์ (Cuvier’s beaked whale) Ziphius cavirostris (Cuvier, 1823) | / |
5. วงศ์ Delphindae มีอยู่ 15 ชนิด คือ
6. วงศ์ Phocoenidae มีอยู่ 1 ชนิด คือ
ชื่อไทย-อังกฤษ และชื่อวิทยาศาสตร์ | อันดามัน | อ่าวไทย | ข้อมูลเพิ่มเติม | |
![]() |
โลมาหัวบาตรหลังเรียบ (Finless porpoise) Neophocaena phocaenoides (Cuvier, 1829) | / | / |