กัดเซาะชายฝั่ง
- 1 สิงหาคม 2556
- 557
สถานการณ์กัดเซาะชายฝั่งทะเลไทย
ตามที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ทราบสถานการณ์การกัดเซาะในภาพรวมของทั้งประเทศ โดยจะพบว่าในพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีการกัดเซาะชายฝั่งที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. การกัดเซาะชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย
การกัดเซาะชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย ตั้งแต่ภาคตะวันออก อ่าวไทยตอนบน และภายใต้ฝั่งอ่าวไทยจะเกิดขึ้นในทุกจังหวัดบริเวณพื้นที่ราบน้ำขึ้นถึงบริเวณป่าชายเลน บริเวณหาดทรายส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเขตอุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัย จากการสำรวจพบว่าการกัดเซาะชายฝั่งทะเลอ่าวไทย พื้นที่ที่มีอัตราการกัดเซาะรุนแรงเฉลี่ยมากกว่า 5 เมตร เกิดขึ้นใน 12 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส และพื้นที่ที่มีอัตราการกัดเซาะปานกลางเฉลี่ย 1-5 เมตรต่อปี มี 16 จังหวัด ได้แก่ ตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎ์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส ทั้งนี้ชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จนถึงปากแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและมีการกัดเซาะขั้นรุนแรงมากที่สุด
2. การกัดเซาะชายฝั่งทะเลด้านทะเลอันดามัน
เกิดขึ้นน้อยกว่าชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยโดยพื้นที่ที่มีการกัดเซาะรุนแรงในอัตราเฉลี่ยมากกว่า 5 เมตรต่อปี ใน 5 จังหวัด คือ ระนอง ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล และพื้นที่ที่มีอัตราการกัดเซาะปานกลางเฉลี่ย 1 – 5 เมตรต่อปีใน 6 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล โดยทั่วไปพบว่าการกัดเซาะชายฝั่งทะเลด้านอันดามันเกิดขึ้นในพื้นที่หาดทรายมากกว่าที่ราบน้ำขึ้นถึงต่อเนื่องกับป่าชายเลน
ดังนั้น เพื่อให้สามารถทราบสถานภาพการกัดเซาะชายฝั่งทะเลไทยโดยละเอียด จึงได้แบ่งพื้นที่ชายฝั่งทะเลออกเป็น 6 พื้นที่ โดยมีรายละเอียดผลการศึกษาสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งทะเลในแต่ละพ้ืนที่ ดังนี้
1. อ่าวไทยฝั่งตะวันออก
2. อ่าวไทยตอนบน
3. อ่าวไทยตอนกลาง
4. อ่าวไทยตอนล่าง
5. ทะเลอันดามันตอนบน
6. ทะเลอันดามันตอนล่าง