ระบบนิเวศเนินทรายบางเบิด
- 3 สิงหาคม 2566
- 1,017
ระบบนิเวศเนินทรายบางเบิด (2564)
เนินทรายบางเบิด อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นเนินทรายชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีระยะทางยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลสูงสูดถึง 30 กว่าเมตร มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการก่อกำเนิดของเนินทรายบางเบิด เป็นตัวอย่างวิวัฒนาการและกระบวนการชายฝั่งที่สำคัญ ที่ไม่พบในบริเวณอื่นของประเทศ กล่าวคือ เป็นเนินทรายที่เกิดจากลมที่พัดเอาทรายแห้งบริเวณหน้าหาดขึ้นมาเป็นเนิน และพอกพูนเพิ่มมากขึ้น ขณะที่บางช่วงเวลาจะทำหน้าที่เป็นแหล่งทรายให้กับชายหาด ทำให้ชายฝั่งตลอดทั้งชายหาดบางเบิดไม่ถูกกัดเซาะ
นอกจากนี้ บริเวณเนินทรายบางเบิดยังพบลักษณะเด่นที่สำคัญ คือ สังคมพืชชายฝั่ง สังคมพืชบนเนินทรายชายฝั่งบริเวณบ้านถ้ำธง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ต่อเนื่องกับบริเวณบ้านบางเบิด อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นสังคมพืชที่มีความเฉพาะ เนื่องจากเนินทรายที่เกิดจากลมตามชายฝั่งนั้น ปัจจุบันถูกใช้ประโยชน์เกือบทั้งหมด เนินทรายชายฝั่งในบริเวณดังกล่าว ยังคงสภาพตามธรรมชาติ ตั้งแต่เนินทรายแรก (fore dune) ถัดจากเขตน้ำขึ้นน้ำลง เนินทรายก่อกำเนิด (embryo dune) ขนาดใหญ่ ที่ยังถูกกระแสลมเปลี่ยนรูปร่างได้ตลอดเวลาเพราะยังไม่เสถียร จะเห็นว่าการทดแทนของสังคมพืชมีการทดแทนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พันธุ์ไม้มีลักษณะเป็นพุ่ม แคระ งดงาม แต่ยังคงเปลี่ยนแปลง มีการทดแทนกันเกิดตลอดเวลาตามธรรมชาติเป็นปกติ จนถึงเนินทรายด้านหลังที่ค่อนข้างเสถียรมีพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่และหลากชนิดขึ้น ตลอดจนมีที่ลุ่มระหว่างเนินทรายต่อเนื่องไปจากเนินทรายนั้น ซึ่งเคยมีพันธุ์ไม้เฉพาะที่น่าสนใจเช่นพวกพืชกินแมลง หรือในที่ลุ่มระหว่างเนินทรายบางแห่งที่มีน้ำขัง เกิดสภาพพรุ พบพันธุ์ไม้น่าสนใจเช่นบริเวณวัดถ้ำธง พบเอื้องโมกพรุ (Papilionanthe hookeriana (Rchb.f.) Schltr.) ซึ่งไม่มีรายงานว่าพบตามธรรมชาติอีกแล้วนอกจากในบริเวณนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจสถานภาพทางนิเวศเบื้องต้น พบว่า พรรณไม้สำคัญของสังคมพืชชายหาดบริเวณนี้กำลังถูกคุกคามจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากโครงการที่ผ่านมา ทั้งจากการปรับสภาพเนินทรายเพื่อสร้างถนน การท่องเที่ยว และการถูกรุกรานจากพรรณไม้ต่างถิ่น เช่น การปลูกสนทะเล และกระถินเทพา ตามแนวชายฝั่ง ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำลายการทดแทนของสังคมพืชพื้นเมืองที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะใบสนทะเลจะทับถมกันบริเวณหน้าดิน และสนทะเล และกระถินเทพา ยังปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษยับยั้ง (alleropathic agent) มาห้ามการเจริญของพืชอื่นด้วย นอกจากนี้ ต้นสนจะบังแนวลม ทำให้ความเร็วของลมที่เคยพัดเข้าสู่เนินทรายเปลี่ยนไป ย่อมมีผลต่อการเข้ายึดครองพื้นที่ของพืชพื้นเมือง เพราะพลวัตของเนินทรายที่เคยเกิดขึ้นตามธรรมชาติจากลมย่อมหยุดลง ขนาดเม็ดทรายที่ลมพาก็เปลี่ยนไป ที่สุดเสมือนหนึ่งเนินทรายนั้นตายลงไป
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2563 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และมูลนิธิพื้นที่ชุ่มน้ำไทยได้สำรวจแหล่งวางไข่ของนกหัวโตมาลายู (Malaysian Plover) Charadrius peronii ซึ่งเป็นนกชายเลนเพียงชนิดเดียวที่ต้องทำรังวางไข่อยู่บนหาดทราย พบได้ตั้งแต่หาดทรายแหลมหลวงหรือแหลมผักเบี้ยยาวลงไปทางภาคใต้ด้านอ่าวไทยและอันดามัน โดยคัดเลือกพื้นที่สำรวจทั้งหมด 10 หาด โดยใช้ปัจจัยคุกคาม 7 ปัจจัย วิเคราะห์ขนาดเม็ดทรายที่นกใช้เป็นที่ทำรังวางไข่ วิเคราะห์สัตว์หน้าดิน ในจุดที่น้ำขึ้นสูงสุด ในจุดที่อยู่ระหว่างน้ำขึ้น-น้ำลง และในจุดที่น้ำลงต่ำสุด ซึ่งผลการศึกษาพบว่า หาดบางเบิดเป็นหาดทรายที่นกหัวโตมลายู มีการกระจายพื้นที่ทำรังบนพื้นทรายที่ปลอดภัยมากที่สุด และลูกนกมีโอกาสเจริญเติบโตเป็นนกวัยหนุ่มได้มากที่สุด จากจำนวน 10 หาด ที่สำรวจ
เนินทรายบางเบิด จึงเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเด่นเป็นหนึ่งเดียวของประเทศไทย ที่จักต้องดูแล รักษา ส่งเสริมให้เป็นพื้นที่ศึกษาเรียนรู้การวิวัฒนาการของทรายกับกระแสลม ทั้งนี้ นกหัวโตมลายู คือดัชนีบ่งชี้ความรุนแรงของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในพื้นที่หาดทราย การดูแล ปกป้อง หาดทรายชายฝั่งที่เหลืออยู่ไม่มากของประเทศไทย จึงเท่ากับเป็นการ “ธำรงรักษาความหลากหลายระบบนิเวศหาดทราย” ให้เป็นแหล่งอาศัยของพืชและสัตว์เฉพาะถิ่น ที่สำคัญทางเศรฐกิจและระบบนิเวศไปพร้อม ๆ กัน
ในปีงบประมาณ 2563 – 2567 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่มีภารกิจโดยตรงในการดูแลพื้นที่ทางธรรมชาติ จึงเห็นสมควรเป็นอย่างยิ่ง ในการเข้าไปคุ้มครองดูแลพื้นที่แห่งนี้ตามหลักวิชาการป่าไม้ โดยการประกาศจัดตั้งเป็นสวนรุกขชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายในการให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุกรรมพืชในสังคมพืชเนินทราย-ป่าชายหาด-ป่าพรุ ให้คงสภาพตามธรรมชาติไว้ไห้มากที่สุด เป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ในท้องถิ่นทั้งพืชมีค่า พืชหายากใกล้สูญพันธุ์ หรือพืชที่มีการใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นนั้น ๆ ซึ่งสวนแห่งนี้มีภารกิจในการช่วยอนุรักษ์พืชประจำถิ่นของจังหวัดชุมพร และภาคใต้ตอนบน ตลอดจนเป็นพื้นที่เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ นันทนาการ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้ความรู้ทางด้านป่าไม้ และพฤกษศาสตร์ในระดับท้องถิ่น แก่ผู้ที่สนใจ นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และบุคคลทั่วไปอีกด้วย นอกจากนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยังเตรียมการออกกฎกระทรวงตามมาตรา 21 เพื่อคุ้มครองชายฝั่งเนินทรายบางเบิดเพื่อป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอีกด้วย
ปัจจุบันกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีโครงการพัฒนาเนินทรายงามให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ตามเส้นทางท่องเที่ยว Scenic Route โดยเริ่มมีการปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่บางบริเวณ หากบริเวณนี้มีการบริหารจัดการที่ไม่สอดคล้องกับสภาพทางนิเวศวิทยาที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา เนินทรายและสังคมพืชที่หายากที่สุดแห่งหนึ่งของเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนแหล่งวางไข่ที่สำคัญที่สุดของนกหัวโตมาลายูในบริเวณเนินทรายบริเวณนี้ย่อมสูญเสียไปในที่สุด
ระบบนิเวศเนินทรายบางเบิด และการพัฒนาพื้นที่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่เนินทรายบางเบิด
- เพื่อเป็นการรักษาพื้นที่ชายฝั่งเนินทรายบางเบิด ซึ่งเป็นเนินทรายชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ควรออกกฎกระทรวงให้เป็นพื้นที่คุ้มครองจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ในอนาคต