วาฬบรูด้า พฤติกรรม
- 5 ธันวาคม 2556
- 1,505
การหายใจ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดต้องการออกซิเจนไปใช้ในขบวนการเมตาบอลิซึม(Metabolism, การเผาผลาญสารอาหารเพื่อให้ได้พลังงาน) ในโลมาและวาฬก็เช่นกัน กิจกรรมต่างๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม (Marine mammals) นั้น ส่วนใหญ่อยู่ใต้น้ำ เช่น กินอาหาร ผสมพันธุ์ ดังนั้นจึงมีการปรับตัวให้ใช้เวลาในการหายใจเหนือผิวน้ำน้อยที่สุดแต่สามารถรับออกซิเจนได้มากที่สุด ในการขึ้นมาเหนือผิวน้ำแต่ละครั้งของโลมา วาฬ สิงโตทะเล พะยูน และมานาตี ส่วนใหญ่แล้วจะหายใจเพียงครั้งเดียวเท่านั้น สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิดก็มีขนาดความจุของปอดเมื่อเทียบกับขนาดตัวไม่ต่างจากสัตว์บก เช่น มานาตี แต่โลมาและวาฬในกลุ่ม Delphinids มีปอดใหญ่มาก ปกติสัตว์บกจะหายใจเอาอากาศเข้าไปในปอดครั้งหนึ่งๆ ได้ประมาณ 10-15% ของความสามารถในการจุอากาศของปอด แต่ในสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมจะหายใจเอาอากาศเข้าปอดครั้งหนึ่งๆ ได้มากกว่า 75% ของความจุอากาศของปอด นอกจากนี้ในภาวะที่จำเป็น ปอดของสัตว์บกไม่สามารถรับอากาศได้มากกว่า 75% ของความจุอากาศ แต่ในขณะที่ปอดของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมสามารถจุอากาศได้มากถึง 90% ของความจุปอด ความสามารถในการจุอากาศนี้เนื่องจากสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมมีปอดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าและกระดูกซี่โครงที่ประกอบด้วยส่วนที่เป็นกระดูกอ่อนมากกว่าสัตว์บกนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้นคือปอดของสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมสามารถยุบและพองใหม่ได้ตลอดเวลา แต่สำหรับสัตว์บกการที่ปอดยุบเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องได้รับการรักษาเลยทีเดียว
ลักษณะการขึ้นหายใจ (Pattern of Breathing)
การหายใจของวาฬบรูด้า ปกติจะโผล่ส่วนหัวที่มีช่องหายใจสองช่องขึ้นเหนือผิวน้ำ หายใจออกอย่างแรง จะเห็นละอองน้ำพุ่งขึ้นสูง 3-4 ม.ที่เรียกว่า Blow แล้วหายใจเข้า ดำน้ำลงไป ขณะดำน้ำลงจะเห็นส่วนหลัง ครีบหลัง และส่วนหลังครีบหลังอีกเล็กน้อยโผล่เหนือน้ำแล้วจมตัวลง ซึ่งปกติจะไม่ยกแพนหางขึ้นเหนือผิวน้ำ การยกแพนหางขึ้นเหนือผิวน้ำหลังการหายใจพบในวาฬไซ (Sei whale) และวาฬหลังค่อม (Humpback whale)
การยกส่วนแพนหางในวาฬบรูด้ามักเกิดควบคู่กับการใช้แพนหางตีน้ำในการให้เหยื่อรวมกลุ่ม หรือในขณะที่ต้องการดำน้ำลึก สีด้านล่างของหางเป็นสีอ่อนแต่ในขณะที่ใช้พลังงานมากจะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงมากจนเห็นเป็นสีชมพูเข้ม
นอกจากนี้ จากการสำรวจพบว่าเมื่อวาฬโผล่ขึ้นหายใจในระยะใกล้เรือ จะได้กลิ่นของลมหายใจออก (Blow) ซึ่งมีกลิ่นแรง
ลักษณะการขึ้นหายใจของวาฬบรูด้า ตามลำดับ 1 ถึง 6
รูหายใจ 2 ช่อง เปิดออกในขณะที่หายใจออก และหายใจเข้า และลักษณะการหายใจออกเหนือ ผิวน้ำจะเห็นละอองน้ำ (Blow) พุ่งขึ้นไปสูง 3-4 เมตร
การหายใจออก (Blowing)
การหายใจออก (Blow) เป็นพฤติกรรมที่สังเกตเห็นได้ง่ายในวาฬ การ Blow แสดงถึงการหายใจออกจนหมดปอดและพร้อมที่จะหายใจเข้า
Blow ที่เห็นเกิดจากการผสมกันระหว่างไอน้ำ (Vapor) ในปอด และน้ำทะเลบริเวณใกล้ๆ รูหายใจที่ถูกพ่นขึ้นไปในมวลอากาศ ขณะที่วาฬหายใจออกมาที่บริเวณผิวน้ำ (บางครั้งมีการ Blow ใต้น้ำด้วย (Underwater blow) หากมองจากมุมสูงเราจะสังเกตเห็นฟองอากาศลอยขึ้นมาที่ผิวน้ำ) การหายใจออกจะเร็วและแรง ส่วนการหายใจเข้าจะใช้เวลานานกว่าเวลาที่ใช้หายใจออกเล็กน้อย แต่อาจสังเกตได้ไม่ชัดเจนเท่าการกับการหายใจออก หรือ Blow โลมาใช้เวลาในการหายใจออกประมาณ 0.3 วินาที ส่วนวาฬใช้เวลานานประมาณ 1-2 วินาที พบว่าในลูกวาฬสีเทา (Gray whale) อายุ 10 เดือนมีความจุของปอด 200 ลิตร และวาฬสีน้ำเงิน (Blue whale) ขนาดใหญ่มีปอดจุมากถึง 5,000 ลิตร
วาฬบรูด้ามีการ Blow สูงประมาณ 3-4 ม. จากการสำรวจจะสังเกตการ Blow ของลูกที่ตัวขนาดเล็ก (4-6 ม.) ได้ค่อนข้างยาก ซึ่งอาจเนื่องมาจากมีการ Blow ใต้น้ำและขึ้นหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว หรือตัวแม่อาจบังตัวลูกอยู่ หรืออาจมาจากคลื่นสูง ทำให้การสังเกตยากขึ้น บางครั้งหายใจออกใต้น้ำและโผล่ส่วนหัวเล็กน้อยเพื่อหายใจเข้า ในกรณีนี้จะไม่เห็นการ Blow ที่ชัดเจน หรือไม่เห็นเลยในกรณีที่อยู่ลึก หรือกรณีของลูกที่มีขนาดเล็กซึ่งมี Blow ขนาดเล็กตามไปด้วย หากหายใจออกใต้น้ำ และขึ้นมาหายใจเข้าที่ผิวน้ำ จะสังเกตเห็นได้ยากมากเช่นกัน จนบางครั้งทำให้เราคิดว่าลูกดำน้ำได้นานกว่าแม่ ซึ่งแท้จริงแล้วอาจจะไม่ใช่